อาจารย์ปรียา หล่อวัฒนพงษา  
                        
นักบำบัดทางการพูดและภาษา โรงพยาบาลมนารมย์
                    
 
            
         
        
   
                    
                        การพูดถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญอย่างหนึ่งว่าเด็กมีพัฒนาการและการเจริญเติบโตสมวัยหรือไม่ เด็กบางคนพูดจาน่ารักน่าเอ็นดู พูดเป็นนกแก้วนกขุนทอง
                            แต่เด็กบางคนโตจนตั้งไข่หัดเดินได้แล้ว กลับไม่รู้ภาษา ฟังไม่รู้เรื่อง พูดไม่ได้แม้แต่คำว่าพ่อและแม่ หรือบางรายกลายเป็นเด็กที่พูดไม่ชัด
                            พูดติดอ่าง หรือพูดแล้วผู้อื่นฟังไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้
                        
                    
                    
                   
                
                    สมาคมโสตสัมผัสวิทยาและการแก้ไขการพูดแห่งประเทศไทย ได้แบ่งประเภทปัญหาด้านการพูดและภาษาไว้ 9 ชนิด คือ พูดไม่ชัด เสียงผิดปกติ
                        (เช่น เสียงแหบ เสียงเบา) พูดติดอ่าง พัฒนาการพูดและภาษาล่าช้ากว่าวัยในเด็กกลุ่มต่างๆ เช่น ออทิสติก ความบกพร่องทางสมอง
                        กลุ่มดาวน์ซินโดรม กลุ่มของเด็กที่มีปัญหาด้านจิตใจ กลุ่มที่มีปัญหาการได้ยิน และกลุ่มที่มีเพดานโหว่และปากแหว่ง ซึ่งความผิดปกติทางการพูดและภาษาเหล่านี้
                        มีความสำคัญต่อการพัฒนาทางด้านจิตใจ พัฒนาการทางการคิดและการเรียนรู้ตลอดจนบุคลิกภาพโดยรวมของเด็กในวัยต่อไป
                    
                
            
                
                
                        
                    
                     
                    
                   
                    
                        ความผิดปกติทางการพูดที่เกิดขึ้นในวัยเด็กพบได้หลายชนิด ตั้งแต่ไม่พูด หรือพูดได้แล้วแต่ ไม่มีความคืบหน้าด้านพัฒนาการของภาษา
                            มีคำศัพท์น้อย พูดได้สั้นๆ พูดเป็นคำๆ ไม่สามารถนำคำที่รู้มาเรียบเรียงต่อเป็นประโยค ไม่สามารถบอกความต่อเนื่องหรือเล่าเรื่องได้
                            บางคนมีความเข้าใจและ มีคำศัพท์แต่ไม่สามารถนำคำศัพท์ที่รู้มาใช้ได้ เป็นต้น ส่วนอาการของการพูดไม่ชัด สังเกตได้จากการพูดเพี้ยนหรือนำเสียงใดก็ได้มาทดแทน
                            เช่น ในเสียงพยัญชนะต้น คำว่า “ช้อน” กลายเป็น “จ๊อน” “สวย” ก็ออกเสียงเป็น “จ๋วย” ในเด็กไทยที่พบส่วนใหญ่จะพูดเสียง
                            ส เสือ ร เรือ และคำควบกล้ำ ไม่ชัด หรือในเสียงตัวสะกด เช่น คำว่า "บ้าน" จะลดเสียงพูดว่า "บ้า" ไม่มีเสียง น หนู หรือ
                            "บ้าง" โดยนำ ง งู มาเติมแทน น หนู เป็นต้น
                        
                    
                
                
                   
    นอกจากนี้ยังมีปัญหาการพูดที่พบมากในเด็กประถมต้น คือ การพูดติดอ่าง สาเหตุของการพูดติดอ่างที่พบได้บ่อย คือ เกิดจากลมหายใจของเด็กไม่สัมพันธ์กับการพูด
        เด็กพวกนี้มักมีร่างกายอ่อนแอหรือเหนื่อยง่าย มีโรคประจำตัว โรคภูมิแพ้ มีน้อยรายมากที่เกิดจากพ่อแม่ดุหรือเข้มงวดเกินไป
        และยังมีอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถบอกถึงสาเหตุที่ชัดเจนได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากได้รับการรักษาก็สามารถมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ
    
                    
                        
               
           
                   
                        
                        
                    
                       
                        
                   
                        
                            วิธีการสังเกตเด็กว่ามีปัญหาในเรื่องของการพูดหรือไม่ สามารถทำได้โดยให้พ่อแม่หมั่นพูดคุยกับลูก และเปรียบเทียบในใจถึงพัฒนาการของลูกกับเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน ไม่พูดเปรียบเทียบให้เด็กรู้สึกมีปมด้อย หากมีปัญหาพูดไม่ชัด หรือสื่อความหมายถึงสิ่งที่เขารู้สึกไม่ได้ ทั้งที่เพื่อนในวัยเดียวกันทำได้ ให้รีบพามาปรึกษาแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่ถูกวิธี เพื่อให้พัฒนาการด้านการพูดและภาษาของเด็กได้ถูกพัฒนาไปพร้อมกับพัฒนาการด้านร่างกาย สังคม และทักษะอื่นๆ 
                            
                        
                        
                                            
            
            
                พ่อแม่เป็นด่านแรกที่สามารถสังเกตดูลูกตัวเองว่ามีความผิดปกติในเรื่องใดบ้าง มีพัฒนาการด้านต่างๆ สอดคล้องไปด้วยกันกับวัยหรือไม่ เช่น เรื่องพัฒนาการด้านพูดและภาษา 
                
            
           
                
                        
                
                
 •	1 ขวบ 	  ควรชี้หู ตา จมูกได้ 
                
•	1 ½ ถึง 2 ขวบ   ควรพูดได้   
                
 •	3 ขวบ 		 ควรจะพูดชัด   
                
•	4 ขวบ   น่าจะเล่าเรื่องสั้นๆ ได้    
           
           
           
           
                      
               หากผิดเพี้ยนไปจากนี้ ควรขอรับคำปรึกษาจากแพทย์  
               
               
               
                   ทุกความผิดปกติของการพูดและภาษาสามารถแก้ไขได้ หากพ่อแม่สังเกตเห็นตั้งแต่แรกเริ่ม แล้วพามาตรวจเพื่อรับการรักษาด้วยการฝึกพูดอย่างถูกวิธี จะทำให้พัฒนาการของเด็กตามทันเพื่อน   ในวัยเดียวกันได้ ดีกว่าปล่อยไว้จนโตแล้วมาแก้ไขทีหลัง การที่เด็กได้รับการรักษาล่าช้า เมื่อเติบโตขึ้นมา หลายรายประสบปัญหาเรื่องบุคลิกภาพจนเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตในสังคม ตั้งแต่ในโรงเรียนและที่ทำงาน เป็นปมด้อยที่ถูกล้อเลียนทำให้ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และไม่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตเท่าที่ควรจะเป็น  
                   
               
  
                
               
                      
                “การเอาใจใส่ สังเกตความผิดปกติ และการช่วยเหลือลูกรัก แก้ไขตั้งแต่แรกเริ่ม เป็นการลงทุน ที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง”