ครอบครัวเป็นสุขเมื่อปลูกรักถูกวิธี


แพทย์หญิงวนัทดา ถมค้าพาณิชย์
จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์


ครอบครัวถือเป็นสถาบันแห่งแรกและสถาบันหลักของคนทุกคน หากบ้านเปรียบเหมือนดังชีวิตของคนเรา ครอบครัวก็เปรียบเสมือนดังเสาเข็มของบ้าน หากเสาเข็มที่ขึ้นมานั้นไม่แข็งแรง บ้านที่สร้างขึ้นมานั้นถึงแม้สวยแค่ไหน ก็ไม่มีความมั่นคงปลอดภัย คนอยู่ก็ไม่สามารถมีความสุขได้ ดังนั้นการสร้างความสุขขึ้นมาในบ้านด้วยการให้ความรักซึ่งกันและกันจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญของชีวิต


โดยทั่วไปแล้วในครอบครัวจะมีความรักความผูกพันซึ่งกันและกันอยู่แล้ว แต่บางครั้งการสื่อความหมายหรือการแสดงออกของความรักนั้น อาจทำให้ผู้รับไม่สามารถรับความรักนั้นได้ เหมือนกับว่าเราส่งจดหมายแล้วไม่ถึงมือผู้รับนั่นเอง อย่างเช่น พ่อรักลูก อยากให้ลูกได้ดี ก็กวดขันเข้มงวดให้ลูกเรียนดีๆ เพื่อให้มีอนาคตดีๆ ดูแลตนเองได้ แต่ลูกกลับมองว่าพ่อรักเขาเพราะว่าเขาเรียนดี หากเขาเรียนไม่ดี พ่อก็ไม่รัก เพราะเขาถูกพ่อดุว่าทุกครั้งที่ผลการเรียนออกมาไม่ดี ซึ่งเป็นตัวอย่างที่เห็นกันได้บ่อยๆ ดังนั้นเราอาจต้องมาเรียนรู้กันว่าเราควรสื่อสารกับคนในครอบครัวอย่างไรดี ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป


happy family

อันดับที่ 1 มีเวลาคุณภาพ เราต้องมีเวลาอย่างมีคุณภาพร่วมกันก่อน เพราะหากไม่มีเวลาแล้ว เราจะสื่อความหมายกันอย่างไร สังคมปัจจุบันเป็นสังคมที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันกันอย่างมาก แข่งกันเรียน แข่งกันหาเงิน ข้าวของเครื่องใช้ก็แพง หามาได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ต้องหามาเพิ่มอีก จนลืมไปว่าสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆ ไม่ใช่ข้าวของเครื่องใช้หรือเงินทองที่ต้องมีมากมาย แต่ก็เป็นแค่ความสุขที่เราสามารถให้แก่กันง่ายๆ นั่นเอง บางคนบอกว่าอย่างไรๆ ก็ไม่มีเวลา ต้องทำอย่างไรดี จริงๆ แล้วเวลาที่ว่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเวลาที่มากมาย ขอให้เป็นเวลาที่มีคุณภาพก็พอ บางบ้านกว่าจะได้เจอกันก็ค่ำ พอเจอหน้ากัน แต่ละคนก็จ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ ถึงเวลาก็แยกย้ายเข้าห้องนอนของตน อย่างนี้ไม่ใช่เวลาไม่มี แต่ว่าไม่ได้ใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า


อันดับที่ 2 มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เมื่อเรามีเวลาน้อย การใช้เวลาอย่างมีประโยชน์และคุ้มค่าสำหรับคนในครอบครัวก็ยิ่งเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อสมาชิกในครอบครัวทำอะไรก็ขอให้มีการสบตากัน มีการสัมผัสกันบ้าง พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น และรับฟังซึ่งกันและกัน


happy family

อันดับที่ 3 การทำกิจกรรมร่วมกัน เมื่อมีเวลาก็ควรหากิจกรรมที่ชอบทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นนอกบ้านหรือในบ้านก็ได้ เช่น ปลูกผักด้วยกัน ช่วยกันจัดบ้าน หรือออกไปผ่อนคลายข้างนอก ไกลหรือใกล้ก็ไม่สำคัญอยู่ที่ว่าได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกันนั่นก็ดีที่สุดแล้ว


อันดับที่ 4 การสื่อสารทางบวก เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก บางคนบอกว่า “ไม่เห็นอยากใช้เวลาด้วยเลย อยู่ด้วยทีไรก็มีแต่บ่น แต่ว่า” ดังนั้น คำพูดและการแสดงออกนี่แหละสำคัญที่สุด เพราะธรรมชาตินั้นใครๆ ก็อยากอยู่หรืออยากเข้าหาสิ่งที่ดีๆ กันทั้งนั้น ง่ายๆ ถ้าใครที่พูดเรื่องร้ายๆ ตลอดเวลา เราเองก็คงไม่อยากเข้าใกล้ หลักง่ายๆ คือ เราอยากฟังอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ลองสังเกตตัวเองว่าชอบพูดเรื่องร้ายๆ หรือพูดแต่ในแง่ลบหรือเปล่า หากว่าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ยากอะไรที่อาจต้องเปลี่ยนรูปแบบ แต่ว่าต้องฝึกสักนิดนึง หากว่าเราเคยชินอย่างนั้น


happy family

อันดับที่ 5 เคารพและเกรงใจซึ่งกันและกัน คนไทยส่วนใหญ่มักเป็นคนขี้เกรงใจ แต่คนที่เราเกรงใจส่วนใหญ่มักเป็นคนที่เราไม่ค่อยสนิทหรือว่าไม่ใกล้ชิด แต่คนที่เราใกล้ชิดหรือคนที่เรารักกลับไม่ค่อยมีความเกรงใจ คำถามก็คือคนที่เราไม่รู้จักหรือคนที่แทบไม่มีความสำคัญกับเรา เพราะอะไรเราถึงสนใจใส่ใจเป็นอย่างมาก แต่กับคนที่เรารักและเป็นห่วงเพราะอะไรเราถึงไม่ใส่ใจให้ความเคารพและเกรงใจ อันนี้ไม่ใช่เฉพาะลูกต้องเกรงใจพ่อแม่ สามีและภรรยาก็ต้องเคารพซึ่งกันและกัน พ่อแม่เองก็ต้องเคารพและเกรงใจลูกเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราต้องนอบน้อมถ่อมตนกับลูก แต่หมายถึงการที่เรามอง ที่ใจเขาใจเรา รู้ว่าหากทำอย่างนี้แล้ว เป็นเราก็คงรู้สึกแย่ ก็เลือกที่จะไม่ทำแทน คือ มีการกลั่นกรองก่อนจนกระทั่งการกระทำนั้นๆ เป็นความเคยชินไป



อันดับสุดท้าย คือ แสดงออกถึงความรัก คนเรามีการให้และการรับรู้ความรักไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้ ถ้าสามารถแสดงออกทุกครั้งเมื่อมีโอกาส มีเวลาที่เหมาะกับความเป็นคุณมากที่สุดก็ดีเป็นอย่างยิ่ง และให้ดียิ่งไปกว่านั้น คือ ถ้าเราคำนึงถึงผู้รับด้วยอันนี้ดีที่สุดว่าผู้รับนั้นเขาชอบแบบไหน การแสดงออกมีได้อย่างไรบ้าง อย่างแรก คือ คำพูด ไม่ว่าจะเป็นการบอกรักหรือการชื่นชมด้วยความจริงใจแค่นั้นคนฟังก็ชื่นใจแล้ว อย่างที่สอง คือ การให้ของขวัญ โดยเฉพาะของขวัญที่แสดงถึงความใส่ใจ ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง เช่น รู้ว่าพ่อชอบการแฟลาเต้หวานน้อยก็ซื้อมาฝาก อย่างนี้เป็นต้น อย่างที่สาม คือ การช่วยเหลือ ช่วยทำงาน เช่น วันนี้ภรรยาออกไปทำธุระข้างนอกมา สามีเห็นว่าเหนื่อยเลยทำกับข้าวเย็นให้รับประทาน ทั้งๆ ที่ปกติเป็นหน้าที่ของภรรยา อย่างที่สี่ คือ การสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการแตะ การโอบกอด โดยเฉพาะกับเด็กๆ เป็นสิ่งพื้นฐานที่ทำได้ไม่ยาก และสามารถส่งความรู้สึกไปได้ดีกว่าคำพูด ลำดับสุดท้าย เป็นสิ่งที่ได้กล่าวไปแล้วก็ คือ การให้เวลา เพราะบางคนขอให้ได้อยู่ด้วยและได้แบ่งเวลามาใช้ร่วมกันก็เป็นสิ่งวิเศษที่สุดแล้ว


  • ค้นหาแพทย์และนักบำบัด
  • โทรนัดหมายแพทย์
  • ติดต่อสอบถาม