การดูแลใจ “ผู้ดูแล” ผู้ป่วยซึมเศร้า


เกวรินทร์ ไชโยธา
พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลมนารมย์


การเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าหรือที่เรียกว่า Caregiver นั้น ต้องมีความรับผิดชอบ ความรู้ ความเข้าใจเรื่องโรคและการปฏิบัติตัว เนื่องจากโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดและใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ดูแลส่วนหนึ่งอาจปรับตัวได้แล้วกับการดูแลผู้ป่วยแต่อาจมีบางส่วนที่ปรับตัวไม่ได้ส่งผลให้ผู้ดูแลเจ็บป่วยทั้งทางกายและทางใจทำให้มีผลกระทบต่อตัวผู้ป่วยด้วย


อาจกล่าวได้ว่าการที่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ตัวผู้ดูแลต้องดูแลตนเองให้มีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีตามแนะนำ ดังนี้


Caregiver

1. จงอยู่ในโลกของความเป็นจริง (Reality testing)



ขั้นที่ 1 การยอมรับบทบาทของการเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยก่อน ยอมรับก่อนว่ามันอาจเป็น บความจริงจะทำให้คุณคิดวางแผนและหาตัวช่วยได้
ขั้นที่ 2 การทำความเข้าใจกับขอบเขตงานการเป็นผู้ดูแลในระยะยาว
ขั้นที่ 3 จงต่อสู้กับเจตคติที่เป็นลบและความคิดที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เช่น การมองว่าผู้ป่วยแกล้งป่วย ไม่อดทน ไม่พยายาม เป็นต้น



2. พักเอาแรง (Refresh)
จัดตาราง “เวลานอก” สำหรับตัวคุณเอง เพื่อให้คุณได้ทำสิ่งที่คุณรัก ได้พักผ่อน เพื่อเติมพลังให้คุณกลับมาดูแลผู้ป่วยใหม่อีกครั้ง



Caregiver


3. เติมพลัง (Rejuvenate)
เมื่อคนดูแลดูแลผู้ป่วยมากเกินไป จนไม่มีเวลาดูแลตนเอง สุดท้ายคนดูแลอาจกลายเป็นผู้ป่วยเอง การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพราะช่วยต้านความกังวล ลดภาวะซึมเศร้า บรรเทาความรู้สึกโกรธ เสริมภูมิคุ้มกันโรค และลดความเสี่ยงของโรค เช่น มะเร็ง และโรคหัวใจ ช่วยรักษาน้ำหนักไม่ให้อ้วน ดังนั้น การจัดสรรเวลาเพื่อออกกำลังกายจะเป็นการเติมพลังให้คุณมีสุขภาพกายและจิตใจที่ดี ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งตัวคุณเองและผู้ป่วย
4. เติมอาหารที่ดี (Replenish)
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีสุขภาพจิตที่แข็งแรงตามมาด้วย
5. เสาะหาความช่วยเหลือ (Reach out)
การมองหาความช่วยเหลือในการดูแลผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน ทีมแพทย์และพยาบาล เพื่อขอคำแนะนำ รวมทั้งติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
6. เฝ้าระวังไม่ให้ความซึมเศร้ามาเยือน
ภัยเงียบสำหรับผู้ดูแลอันหนึ่ง คือ ภาวะซึมเศร้า (Depression) ซึ่งมักเข้ามาครอบงำเราโดยที่เราไม่รู้ตัว ให้หมั่นสังเกตตนเองว่ามีความเครียดมากขึ้น หรือรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง ซึ่งหากมีอาการ ให้รีบพบแพทย์เพื่อให้การดูแลได้ทันท่วงที



Caregiver


สิทธิของผู้ดูแลคนป่วย
1. ดูแลตนเองบ้าง ทั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของความเห็นแก่ตัว แต่เป็นการทำให้ตัวผู้ดูแลคนป่วยเองมีพลังที่จะดูแลผู้ที่ตนรักได้ดียิ่งขึ้น
2. เสาะหาความช่วยเหลือจากคนอื่นให้มาช่วยดูแลคนป่วย แม้ว่าบางครั้งคนป่วยที่ตนรักจะไม่เห็นด้วยก็ตาม เพราะผู้ดูแลย่อมทราบขีดจำกัดของพลังและความอดทนที่ตนเองมี และย่อมไม่ควรฝืนทำอะไรที่เกินขีดจำกัดของตนเอง
3. ยังคงใช้ชีวิตบางด้านของตนเองที่เป็นความรื่นเริงบันเทิงใจโดยไม่มีคนป่วยอยู่ด้วย เหมือนเมื่อครั้งยังไม่มีใครป่วย เพราะผู้ดูแลผู้ป่วยย่อมทราบดีว่าตนได้ทำอะไรที่ตนพึงทำได้แก่ผู้ป่วยไปแล้ว และมีสิทธิที่จะทำอะไรเพื่อตัวเองได้ตามปกติ
4. ผู้ดูแลอาจหงุดหงิดฉุนเฉียวหรือโกรธได้บ้าง เหงาบ้าง เศร้าบ้าง อารมณ์เสียบ้าง ซึ่งเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้
5. เพิกเฉยต่อความพยายามของคนป่วยที่จะกดดันผู้ดูแล (ที่อาจทำไปโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว) เสียบ้าง เพราะหากใส่ใจมากเกินไป จะกลายเป็นความกดดันที่ก่อความรู้สึกผิด หรือโกรธ หรือซึมเศร้า ต่อตัวผู้ดูแลได้ เมื่อความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้น ผลเสียจะตกกับตัวผู้ป่วยเอง
6. ภาคภูมิใจกับสิ่งที่ตนเองได้ทำไป เพื่อช่วยเหลือคนป่วยที่ตนรัก
7. ปกป้องความเป็นตัวของตัวเองและสิทธิที่จะใช้ชีวิตส่วนตัวของตัวเองไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งคนป่วยที่ตนรักไม่ได้ต้องการการดูแลเต็มเวลาจากตนอีกต่อไปแล้ว ตนเองจะยังสามารถเดินหน้ากับชีวิตตนเองต่อไปได้




อ้างอิงข้อมูลจาก


• สันต์ ใจยอดศิลป์.(2560).การเป็นผู้ดูแลคนป่วยเรื้อรัง สืบค้นเมื่อวันที่ 25.06.2563 http://visitdrsant.blogspot.com/2010/07/caregiver.html
• มาโนช หล่อตระกูล.(2562).การรักษาโรคซึมเศร้า สืบค้นเมื่อวันที่ 25.06.2563 https://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/05282014-1001.






  • ค้นหาแพทย์และนักบำบัด
  • โทรนัดหมายแพทย์
  • ติดต่อสอบถาม